หลังจากที่หลายๆคนสักคิ้ว มา ก็คงจะเคยได้ยินมาบ้าง ว่าหลังสักต้องห้ามโดนน้ำ แล้วหลัง สักคิ้วใช้วาสลีนทาได้มั้ย (pitroleum Jelly) หลังสัก แต่จริงๆแล้ว ทางร้านไม่แนะนำให้ทาวาสลีนเท่าไหร่นัก ควรทาผลิตภัณฑ์บำรุงหลังสัก ที่ใช้สำหรับทาหลังสัก โดยเฉพาะจะดีกว่านะคะ
![สักคิ้วใช้วาสลีนทาได้มั้ย](https://lalanastudio.com/wp-content/uploads/2021/02/หลังสักคิ้วทาวาสลีนได้มั้ย-ย่อแล้ว.jpg)
หลังจากที่สาวๆ สักคิ้ว มา ก็คงจะเคยได้ยินมาบ้าง ว่าหลังสักต้องห้ามโดนน้ำ บางคนก็ว่าควรทาวาสลีน (pitroleum Jelly) หลังสัก แต่จริงๆแล้ว ทางร้านไม่แนะนำให้ทาวาสลีนเท่าไหร่นัก ควรทาผลิตภัณฑ์บำรุงหลังสัก ที่ใช้สำหรับทาหลังสัก โดยเฉพาะจะดีกว่านะคะ
ที่นี้หลายคนคงยังไม่รู้ว่า ปิโตรเลียม เจลลี่ (pitroleum Jelly) คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไร?
ปิโตรเลียม เจลลี่ (pitroleum Jelly) มีคุณสมบัตรดังนี้
- ใช้เป็นสารหล่อลื่น
- ใช้ทาป้องกันไม่ให้ผิวหนังแห้ง
- ถนอมความชุ่มชื้นให้อยู่กับผิวหนัง
- รักษาบาดแผลเล็กๆจากของมีคม
- รักษาอาการผิวไหม้จากความร้อนของแสงแดด
- ทาริมฝีปากป้องกันริมฝีปากแห้ง
ปิโตรเลียม เจลลี่ (pitroleum Jelly) สามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ เช่น
- รบกวนกระบวนการขับของเสียออกจากรูขุมขนที่ผิวหนัง
- เกิดการอุดตันของรูขุมขน
- การสมานแผลช้าลง
- ทำลายและขัดขวางการสร้างสาร คอลลาเจน (collagen) และสารอิลาสติน ส่งผลให้เซลล์ผิวหนังแก่ตัวเร็ว
- ทำให้ทำให้ผิวหนังบริเวณที่ทาจะจับสิ่งสกปรก เช่น ฝุ่น แบคทีเรีย ไว้ตามรูขุมขน จนอาจเกิดการระคายเคืองต่อผิวหนังได้
**ดังนั้นควรเลือกผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมกับงาน เพื่อผลลัพธ์ที่ดีและไม่ก่อให้เกิดอันตรายกับผิวด้วยค่ะ
แล้วหลังสักคิ้วใช้วาสลีนทาได้มั้ย ? ถ้าไม่ใช้ทาจะดีกว่านะคะ แต่สำหรับทางร้านลาลาน่า สตูดิโอ จะให้ผลิตภัณฑ์บำรุงหลังสักโดยเฉพาะ ให้กับลูกค้าทุกครั้ง
ตัวยาที่เราจะให้ไปทาหลัง สักคิ้ว จะเป็นวิตามินบำรุง (VITAMIN A+VITAMIN D OINTMENT) ภายในจะมียาฆ่าเชื้อผสมอยู่ด้วย
- อุดมไปด้วยวิตามิน ช่วยรักษาสมานแผลให้หายได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
- เก็บความชุ่มชื่น ช่วยให้ผิวชุ่มชื่น ไม่แห้งแตก ลดอาการระคายเคืองบาดแผล
- ช่วยให้ผิวไม่มีรอยแผลเป็น ผิวเรียบเนียน สีชัดเจน
- มียาฆ่าเชื้อภายในหลอด
![](https://lalanastudio.com/wp-content/uploads/2021/02/หลังสักคิ้วทาวาสลีนได้มั้ย-ย่อแล้ว-1-1024x768.jpg)
เกร็ดความรู้ : หากอยากแผลหายเร็วๆ อาหารก็มีผลต่อการสมาณแผลด้วยนะคะ อาหารมีส่วนสำคัญที่จะทำให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วขึ้น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ก็จะช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอทำให้แผลหายเร็วขึ้น และยังช่วยลดการติดเชื้อของแผลได้อีกด้วย
- โปรตีน จะช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่สึกหรอทำให้แผลหายเร็ว แล้วนำสารอาหารไปสังเคราะห์เป็นโปรตีนชนิดต่างๆ เช่น คอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนที่จะช่วยประสานโครงสร้าง เนื้อเยื่อ ผิว กระดูกอ่อน เซลล์ผิวหนัง ที่สำคัญยังช่วยป้องกันไม่ให้แผลบวมและช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดแผลติดเชื้ออีกด้วยได้แก่ เนื้อสัตว์ต่างๆ ไข่ไก่ นม ถั่วเมล็ดแห้ง ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง
- คาร์โบไฮเดรต จะช่วยเสริมสร้างพลังงานให้แก่ร่างกายเพื่อช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น ทั้งยังลดอาการอักเสบติดเชื้อ และยังช่วยเซลล์เม็ดเลือดขาวซึ่งทำหน้าที่ทำลายสิ่งแปลกปลอมและเชื้อโรค ด้แก่ ข้าวกล้อง ขนมปังโฮวีต มันเทศ เผือก
- วิตามินเอ ช่วยกระตุ้นการสร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมา และยังช่วยสร้างคอลลาเจนซึ่งเป็นโปรตีนที่เสริมความแข็งแรงให้กับเนื้อเยื่อ กล้ามเนื้อ และกระดูก ถ้าขาดวิตามินเอแผลจะหายช้าและยังช่วยป้องกันการติดเชื้ออีกด้วย ได้แก่ มะละกอ ผักบุ้ง ฟักทอง มะม่วงสุก แครอท แตงโม
- วิตามินบี ช่วยลดการติดเชื้อที่แผลผ่าตัด หน้าที่เป็นตัวกระตุ้นเอ็นไซม์หรือโคเอนไซม์ในกระบวนการเผาผลาญอาหาร ทั้งยังเสริมสร้างให้เม็ดเลือดขาวทำลายเชื้อแบคทีเรียในแผลได้ดีอีกด้วย ได้แก่ ตับ ข้าวซ้อมมือ เนื้อสัตว์ต่างๆ ถั่วเมล็ดแห้ง นม ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ ลูกเดือย
- วิตามินซี ทำหน้าที่สร้างผนังของเซลล์และทำให้เส้นเลือดฝอยแข็งแรง จึงทำให้หลอดเลือดฝอยมีความแข็งแรงไม่แตกง่าย ช่วยให้ผนังหลอดเลือดและผนังเซลล์แข็งแรง ทั้งยังผลิตคอลลาเจนใต้ผิวหนังซึ่งเป็นโปรตีนที่เสริมโครงสร้างเซลล์ผิวหนัง ถ้าขาดวิตามินซีจะมีอาการผิวหนังบวมแดง อักเสบ ติดเชื้อง่าย ได้แก่ ฝรั่ง ส้มเขียวหวาน ส้มโอ แอปเปิ้ล พุทรา สตรอเบอร์รี่ กีวี สับปะรด
- สังกะสี จะช่วยในการกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ที่มีหน้าที่ผลิตเซลล์ผิวใหม่และช่วยให้ผนังเซลล์แข็งแรง ทั้งยังช่วยสมานบาดแผลและกระตุ้นให้แผลหายเร็วขึ้น ถ้าขาดสังกะสีจะมีอาการผิวหนังบวมแดง อักเสบ ติดเชื้อง่าย ได้แก่ ถั่วเมล็ดแห้ง ข้าวโพด
- เหล็ก เป็นส่วนประกอบสำคัญของฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดงซึ่งเป็นตัวการที่จะลำเลียงออกซิเจนไปเลี้ยงส่วนต่างๆรวมถึงบาดแผลที่ต้องการออกซิเจนในการสมานแผล ถ้าขาดธาตุเหล็กจะทำให้แผลได้รับออกซิเจนน้อยลง ทำให้แผลหายช้า ได้แก่ บร็อคโคลี่ หน่อไม้ฝรั่ง ใบชะพลู ผักคะน้า กะหล่ำปลี ใบขี้เหล็ก ตับ ไข่แดง